ศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์
คือ ศักดิ์ศรีของภาพลักษณ์พระเจ้า (สารออกอากาศวันพระคริสตสมภพ ค.ศ.1944 ของสมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอที 11) ..มนุษย์จึงมีค่าเพราะสิ่งที่ตนเป็น
(มีศักดิ์ศรี) ยิ่งกว่าเพราะสิ่งที่ตนมี (ทรัพย์สิน) เมื่อพินิจพิเคราะห์แบบอย่างของพระคริสตเจ้า
เราจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า
คุณค่าและเกียรติที่แท้จริงของมนุษย์อยู่ที่คุณภาพทางศีลธรรม คือ
การปฏิบัติคุณธรรม คุณธรรมนี้เป็นมรดกร่วมกันของมนุษย์ คนชั้นสูงและคนต่ำต้อย
คนรวยและคนจนสามารถปฏิบัติคุณธรรมได้ คุณธรรมจะนำไปสู่การรับรางวัลอันเป็นความสุขนิรันดร์"
(คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคอ้างอิง โดยคุณพ่อสีลม ไชยเผือก ข้อ 6.1และข้อ
6.3.1)
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสกล่าวว่า
"ความรัก ความเมตตาเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดา
คุณธรรมความดีทั้งหลาย" ในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติที่ผ่านมา
เราก็ตระหนักได้ว่า
มีทั้งความชื่นชมยินดีในการยกย่องคุณค่าศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์และความทุกข์ขมขื่น
จากการละเมิดชีวิตผู้คนในแต่ละยุด แต่ละสมัย โดยผ่านทางกระแสวสังคม เศรษฐกิจ
การเมือง เป็นต้น
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1955
นางโรซา ปาร์ค หญิงผิวดำวัยสี่สิบ
ได้ตัดสินใจกระทำในสิ่งที่สังคมประเทศสหรัฐอเมริกาในยุคนั้นไม่อนุญาต
โดยไปนั่งที่นั่งด้านหน้าในรถประจำทาง ซึ่งสงวนไว้สำหรับคนผิวขาว
แต่เมื่อหลายปีผ่านไป นักศึกษาได้ถามว่าเหตุใดเธอ
จึงนั่งในที่นั่งตอนหน้าของรถบัสในวันนั้น คำตอบของเธอไม่ได้เป็นเรื่องของกระบวนการประท้วงเพื่อต่อต้านการเหยียดผิว
ความประสงค์ของเธอในตอนนั้นเป็นสิ่งที่เรียบง่าย ทว่าลึกซึ้งเธอตอบว่า
"เพราะว่าฉันเหนื่อย" แต่ความเหนื่อยของเธอไม่ได้หมายถึงเพียงร่างกาย
หัวใจของเธอก็เหน็ดเหนื่อยทั้งชีวิตของเธอ เหนื่อยหน่ายกับการต้องเล่นตามกฎเกณฑ์ของลัทธิเหยียดผิว
ซึ่งไม่ยอมรับความต้องการมีตัวตนที่แท้จริงของเธอ (จิตวิวัฒน์, หนังสือพิมพ์ มติชน
ฉบับวันที่ 23 ส.ค.2551) ผลตามมาคือ
ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่ให้ความเสมอภาคและความเป็นธรรมแก่คนผิวดำ 22
ล้านคน ได้มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เทียบเท่าคนผิวขาว โดยภายใต้การนำของ
ดร.มาร์ติน ลูเธอร์คิง
ในวันที่ 17 เมษายน 2559
ที่ผ่านนี้ก็เป็นวันครบรอบ 2 ปี การถูกบังคับให้หายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ
หรือ บิลลี่ เป็นพี่น้องชาวกะเหรี่ยงจากพื้นที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ที่เป็นนักต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นคน
เรียกร้องสิทธิของชนเผ่ากะเหรี่ยงที่อยู่ดูแลรักษาป่า
แต่ถูกกระทำให้หายสาบสูญจากเจ้าหน้าที่อุทยานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้มึนอ
ภรรยาและลูกๆ 4 คน อยู่สู้ชีวิตต่อไป
เมื่อครั้งหนึ่งที่มึนอ
ได้เรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับบิลลี่ ตามกระบวนการทางกฎหมาย
แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่บอกว่า
"เป็นแค่กะเหรี่ยงคนเดียวที่ตายจะมาทำให้ยุ่งยากทำไม" แล้ว มึนอ
ก็ตอบว่า "กะเหรี่ยงก็เป็นคนเหมือนกับคุณไม่ใช่หรือ" ความเป็นคนบ่งบอกถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
นับแต่เกิดมาบนโลกนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีเท่ากัน
เป็นดั่งพระฉายาลักษณ์ของพระ
"พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาตามภาพลักษณ์ของพระองค์"
(พระคัมภีมร์คาทอลิกฉบับสมบูรณ์,ปฐมกาลบทที่ 1 ข้อ 27) ท่านนักบุญยอห์นปอลที่ 2
พระสันตะปาปาเน้นย้ำเสมอว่า "การพัฒนาใดๆ
ถ้าปราศจากการส่งเสริมศักดิ์ศรีมนุษย์ ถือว่าไม่ใช่การพัฒนา"
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสเตือนใจอยู่เสมอว่า "เราไม่สามารถนิ่งดูดายกับความทุกข์ร้อนของคนยากจนยากไร้
เพราะเขาเป็นลูกของพระเช่นเดียวกับเรา" และพระองค์ยังเสริมว่า
"เมื่อเราเข้าใจในความเป็นศักดิ์ศรีของมนุษย์อย่างแท้จริง
เราก็จะมองผู้อื่นเป็นพี่น้อง เห็นสรรพสิ่งธรรมชาติเป็นดั่งพี่สาวน้องสาวของเรา
ทำให้นึกถึงคำพูดของพี่น้องกะเหรี่ยงว่า " กินพออิ่ม นุ่งพออุ่น
กินอยู่กับป่า รักษาป่า กินอยู่กับน้ำ
รักษาน้ำ" เป็นต้น
ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
จะพบได้ก็อย่างน้อยผ่านทางความรัก ความเมตตา ตามความจริง ความจริงที่มีพระเจ้าสูงสุดและมีมนุษย์ที่เป็นภาพลักษณ์ของพระที่เราจำต้องรักและเมตตา
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสกล่าวว่า "คนยากจนรู้สึกตัวเองมีศักดิ์ศรี
มีค่าเพราะได้รับความรักความเมตตา" ครั้งหนึ่งมีผู้ถามมึนอ
ภรรยาของบิลลี่(นักต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของพี่น้องชาติพันธุ์) ว่า "คุณไม่รู้สึกอาฆาตแค้น
เจ้าหน้าที่ ที่เป็นสาเหตุให้สามีถูกบังคับให้หายตัวไปหรือ" มึนอแม่ของลูก 5
คนตอบว่า "ชีวิต...เราเคารพไม่รู้สึกแค้น ไม่แบกความเคียดแค้นชิงชังนั่นหรอก
แต่การกระทำที่เขาทำ เขาก็จะได้รับผลจากสิ่งนั้นเอง" ท่านมหาตะมะ คานที กล่าวว่า "คนอ่อนแอไม่สามารถให้อภัย
การให้อภัยเป็นคุณลักษณะของผู้เข้มแข็ง" ถึงกระนั้นบางคนชองอ้างรักเมตตา
แล้วหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวตักเตือนด้วยเหตุผลต่างๆ นานา
ดังนี้ก็เป็นการทำลายศักดิ?ศรีของความเป็นมนุษย์เช่นกัน
จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างเสริมชีวิตผู้คนด้วยการที่จะกล่าวว่า ชีวิตนั้นเคารพ
แต่การกระทำนั้นควรปลี่ยนแปลง
ดั่งพ่อแม่ที่สอนลูกตีลูกด้วยความรักแตกต่างจากหลายครอบครัวที่คิดว่ารักลูกหลานด้วยการตามใจ
ผลจึงต่างกันมากมาย อย่างไรก็ตามวิถทางจากเคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
เป็นไปตามคำสอนของ น.เปาโล ที่เขียน จ.ม.ถึงชาวกาลาเทียว่า
"ส่วนผลของพระจิตเจ้า คือความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา
ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยนและการรู้จักควบคุมตนเอง" (กท. 5:22-23)