คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรคาทอลิก
(สิ่งแวดล้อม)
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซีส
ประมุขสูงสุดของพระศาสนจักรคาทอลิก ได้ทรงประกาศในวันที่ 1 กันยายนของทุกปี
เป็นวันภาวนาเพื่อพิทักษ์สิ่งแวดล้อมพระองค์ท่านทรงห่วงใยและเรียกธรรมชาติสิ่งแวดล้อมว่าเป็น
"พี่สาวที่กำลังส่งเสียงร้อง" เพราะความเสียหายที่เรามนุษย์ได้ก่อให้เกิดขึ้นกับเธอ
(พระสมณสาสน์ขอสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้อ 2) เนื่องจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างฟุ่มเฟือย
มนุษย์จึงเสี่ยงที่จะทำลายธรรมชาติและตกเป็นเหยือของการเสื่อมสลายแม้ว่าจะอ้างความกว้าหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่วิเศษสุด
ความสามารถทางเทคนิคหรือการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าอัศจรรย์
หากสิ่งเหล่านี้มิได้ดำเนินไปพร้อมกับคำกว้าหน้าทางสังคมและศีลธรรมอย่างแท้จริง
สิ่งเหล่านี้จะกลับมาทำร้ายมนุษย์ในที่สุด (ข้อ 4) การเสื่อมสลายของสิ่งแวดล้อม
จึงสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดกับวัฒนธรรมที่หล่อหลอมชุมชนมนุษย์ขึ้นมา
เมื่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติถูกทำร้าย
บาดเจ็บสิ่งแวดล้อมทางสังคมก็ได้รับบาดแผลด้วยเช่นกัน (ข้อ 6)
จากประสบการณ์ในชีวิตประจำวันและการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างชี้ให้เห็นว่าบรรดาคนยากจน
เป็นผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขึ้น จากผลการทำลายสิ่งแวดล้อมทุกประเภท (ข้อ 48)
เรามิใช่พระเจ้าแผ่นดินที่มีอยู่ก่อนหน้าเรา
เราได้รับมอบหมายมาชุมชนมนุษย์มีหน้าที่ต้องรักษาผืนดินไว้และรับรองความต่อเนื่องของความอุดมสมบูรณ์
สำหรับชนรุ่นต่อไปด้วย (ข้อ 67)
ปฏิญญาโลก (The Earth Charter) กล่าวว่า "มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลที่มีความเกี่ยวพันอันยิ่งใหญ่
โลก..บ้านของเรา..มีชีวิตอยู่ด้วยชุมชนแห่งชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวพลังธรรมชาติทำให้การมีชีวิตเป็นการผจญภัยที่ไร้ความไม่แน่นอนและเรียกร้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่โลกก็ได้ให้สภาพแวดล้อมที่จำเป็นวิวัฒนาการของชีวิต
ความยืดหยุ่นของชุมชนแห่งชีวิตทั้งมวลและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษยชาติ
ขึ้นอยู่กับการปกป้องกันโลกให้มีความสำบูรณ์ โดยเฉพาะอากาศบริสุทธิ์ น้ำสะอาด
ดินที่อุดมสมบูรณ์ รวมทั้งความหลากหลายของพืช สัตว์และระบบนิเวศทั้งหมดที่มีอยู่
มวลมนุษย์พึ่งสังวรอยู่เสมอว่า
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรของโลกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนทุกคน ฉะนั้น
จึงเป็นภารกิจอันประเสริฐของเราที่จะปกป้องรักษาชีวิต
รวมทั้งความหลากหลายและความงามของโลก สมแด็จพระสันตะปาปา