คำสอนด้านสังคมในงานประกาศข่าวดี ฉบับที่ 3


            ในพระสมณสาสน์ เตือนใจ "ความชื่มชนยินดีแห่งพระวรสาร" (Evangelii Gaudium) โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส กล่าวว่า "พระจิตเจ้าทรงมีจินตนาการไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์ทรงรู้จักคลายปม แม้ในส่วนที่ซับซ้อนและยุ่งยากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์" (EG 178)
                ในประวัติศาสตร์แห่งความรอดเพื่อสานงานพันธกิจไถ่กู้ของพระคริสตเจ้า โดยพระศาสนจักรคาทอลิกที่รับมอบหมายผ่านทางบรรดาอัครสาวกที่มีชีวิตอยู่ร่วมกับพระเยซูเจ้า เมื่อกว่า 2,000 ปี  ที่ผ่านมา ส่งต่อมาถึงบรรดาปิตาจารย์ในบริบทคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคแต่ละสมัย ในพระสมณสาสน์ "ความรักในความจริง" (Caritas in Veritate)  โดย สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณเบเนดิกต์ที่ 16 กล่าวว่า "คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร คือ มิติพิเศษแห่งการประกาศความจริงนี้ เป็นการรับใช้ความจริงซึ่งจะทำให้เราเป็นไท การเปิดใจกว้างสู่ความจริง ไม่ว่าความจริงนั้นจะมาจากสาขาวิชาใด คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรจะรับไว้ จัดการรวบรวมความจริง สิ่งละอันพันละน้อยเหล่านั้นเข้าไว้ด้วยกัน ทำการรำพึงไตร่ตรองมัน ควบคาไปพร้อมๆกันกับชีวิตทางสังคมมนุษย์และประเทศชาติที่กำลังเปลี่ยนแปลงเสมอ..คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรให้ความสว่างต่อปัญหาใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นสเมอๆ นั้น ด้วยความสว่างที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้จะช่วยพิทักษ์คุณสมบัติถาวรและที่เป็นประวัติศาสตร์ของความเชื่อที่เป็นมรดกตกทอดมา ซึ่งพร้อมกันกับคุณสมบัติเฉพาะของมัน มันก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งขนบธรรมเนียมปฏิบัติที่พระศาสนจักรใช้ในการเจริญชีวิตเรื่อยมา คำสอนด้านสังคมถูกสร้างขึ้นบนรากฐานที่อัครสาวกมอบให้กับบรรดาปิตาจารย์ ของพระศาสนจักร จากนั้นก็ส่งต่อและศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยปราชญ์คริสตชนผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย..." (ข้อ 9และ12) ซึ่งผลที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาของพระศาสนจักรคาทอลิก มีทั้งความชื่มชนยินดีและความเศร้าโศก ซึ่งนักบุญยอห์นปอลที่ 2 สมเด็จพระสันตะปาปาได้กล่าวในช่วงการกว้าเข้าสู่พันปีที่ 3 (ช่วง ค.ศ.2001) ว่า "ขอโทษในอดีตที่ผ่านมาที่พระศาสนจักรได้กระทำผิดพลาดไป"
                เมื่อครั้งที่กรรมาธิการฝ่ายสังคมของสังฆมณฑลราชบุรีได้จัดสัมมนาฝ่ายสังคมและองค์กรพันธกิจด้านสังคม เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2014 ที่ผ่านมา โดยอาจารย์ชัยณรงค์ มณเทียรวิเชียรฉายได้เล่าเรื่องตอนที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสขึ้นตำแหน่งองค์ประมุขสูงสุดของพระศาสนจักรคาทอลิกในช่วงปีแรก ว่ามีผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ท่าน ซึ่งมีคำถามหนึ่งเป็นคำถามแรก ถามท่านว่า  "ท่านเป็นใคร....."
                องค์สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังวิสนิ่ง แล้วพูดอยู่ในลำคอ แต่ยังไม่เปล่งเสียงออกมา สักพักพระองค์ท่านก็พูดว่า "ฉันเป็นคนบาป" ....บุคคลที่ประกาศว่าเป็นคนบาป อย่างพระองค์ท่านได้ขึ้นปกนิตยสาร Time
                ชีวิตและคำสอนของท่านตามจิตตารมณ์พระวรสาร คำสอนของพระเยซู ท่านได้เน้นให้ห่วงใย คนยากไร้ ให้พี่น้องเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วมในสังคม พระองค์ท่านได้ท้าทายสังคมให้ฟังเสียงของพวกเขา เพราะบรรดา เสียงยากจนมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สอนเรา..นี้คือแง่มุมหนึ่งของคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรที่เป็นสัญญาแห่งกาลเวลาที่ท้าทายให้เราตระหนักในความจริงทุกมิติ ที่ก่อให้เกิดความยุติธรรม สันติสุข ความชื่นชมยินดีในสังคม ก็มีพื้นฐานมาจาก ผู้คน ชุมชน ที่ตระหนักในความบาป ความอ่อนแอ ความล้มเหลว แล้วกันมาเชื่อในพระ ศรัทธาในชีวิตที่มีความหวัง เพราะโดยอาศัยการนำทางของพระจิตแห่งความจริง ที่ก่อให้เกิดคำสอนด้านสังคม คำสอนที่มีชีวิตเดินได้ในสังคม เกิดการเปลี่ยนแปลงตนเอง ชุมชน สังคม ดอก ดั่งวลีที่บอกว่า "เด็ดดอกไม้หนึ่งดอกสะเทือนถึงดวงดาว"