คำสอนด้านสังคมในงานประกาศข่าวดี ฉบับที่ 4


คำสอนด้านสังคมในงานประกาศข่าวดี 
                ท่านนักบัญยอห์น ปอลที่ 2 พระสันตะปาปากล่าวว่า "พระศาสนจักรต้องประกาศข่าวดีเรื่องชีวิต คือ จำเป็นต้องประกาศและอธิบายว่าคุณค่าและศักดิ์ศรีของชีวิตมนุษย์มาจากพระเจ้าเองและมีพื้นที่ฐานอยู่ในพระคริสตเจ้า" (สมณสาสน์ข่าวดีเรื่องชีวิต ข้อ 29-44) ความเป็นมนุษย์จึงมีอะไรที่พิเศษน่ามหัศจจรย์เกินกว่าที่เราประสามนุษย์จะเข้าถึงความเป็นจริงได้ จำเป็นเราต้องตระหนักและไตร่ตรองถึงชีวิตว่าเราควรจะดำเนินชีวิตอย่างไร เราควรที่จะเน้นในความเป็นหรือความมีที่บ่งบอกถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ผ่านทางการกระทำกับตัวเราเอง เพื่อนมนุษย์ สิ่งสร้างและพระเจ้า สมเด็จพระสันตะปาปากล่าวไว้พระสมณสาสน์เตือนใจความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสารว่า "ผู้ยากไร้เป็นจุดหมายปลายทางอันดับแรกของพระวรสาร" (ข้อ 48) และ "ข้าพเจ้าชื่นชมพระศาสนจักรที่ต้องประสบอุบัติเหตุ บาดเจ็บและสกปรก เพื่อออกมาสู่เส้นทางภายนอกมากกว่าพระศาสนจักรที่ป่วยเพราะปิดขังตัวเองและอยู่ในความสะดวกสบายที่ยึดติดกับความปลอดภัยของตัวเอง ข้าพเจ้าไม่ต้องการพระศาสนจักรที่กำวลอยู่กับการเป็นศูนย์กลางและจบลงด้วยการปิดตัวเองอยู่ในเครือข่ายกายึดครองและกระบวนการขั้นตอนมากมายงง(ข้อ 49) ไม่ว่าจะยากดีมีจนในหมู่ผู้คน บ่อยครั้งก็จะรู้สึกถึงความไร้ค่าดั่งผู้ยากไร้ที่รอคอยใครสักคนมาเยี่ยม มาเยียวยา มาช่วยให้ความเป็นมนุษย์มีชีวิตชีวาเบิกบานใจ ถึงกระนั้นภารกิจเปรียบเหมือนงานเมตตากิจกับคนเล็กคนน้อย คนไม่กี่คน ก็ยากยิ่งนักที่จะให้สังคมเข้าใจอย่างง่าย จึงจำเป็นต้องมีจิตตารมณ์ในการทำงาน ท่านนักบุญเทเรซา แห่งกัลกัตตา "ให้เราทำสิ่งเล็กๆ แต่ทำด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่" และ "หากไม่มีความทุกข์ยากลำบาก การงานของเราก็จะเป็นเพียงงานสังคมสงเคราะห์ เป็นงานดีมีประโยชน์ แต่ก็หาใช่งานของพระเยซูคริสต์ไม่
                เมื่อวันที่ 31 พ.ย.2559 มีพิธีปลงศพ ซิสเตอร์อลิซาแบท แมรี่ รอเบริตส์ เปรีลัท หรือที่เราเรียกว่า ซ.รอเบริตส์ จากนักบวชหญิงคณะอุร์สุลิน แห่งนิกายโรมันคาทอลิก หลังจากพิธีก็ได้นำร่างท่านมาที่สุสานสันติคาม เพื่อทำพิธีวอนของพระนำท่านไปยังสวรรค์ โดยมีพระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวชชายหญิง บรรดาลูกศิษย์มาร่วมมากมาย หลังจากนั้นในค่ำคืนวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ศูนย์สังคมพัฒนา สังฆมณฑลราชบุรีฝันว่า...เห็นพิธีสวดภาวนาที่สุสานสันติคามมีพระสงฆ์ท่านหนึ่งยืนก้มหน้าต่อหน้าหลุมที่มีร่าง ซ.รอเบริตส์ และมีท่านนักบุญเทเรซา แห่งกัลกัตตา ยืนข้างๆ ตรงที่ ซ.รอเบริตส์นอน...ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ในวัย 82 ปี ท่านเคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสดว่า "ในวันหนึ่งๆ หากซิสเตอร์ช่วยเหลือคนให้พ้นทุกข์ได้แม้เพียง 1 คน สำหรับเราแล้ว นี่คือความสำเร็จสูงสุด"
                ในกรณีจอบิ หลังจากศาลพิพากษาให้นายจอบิเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดียิงรถนักเรียนโรงเรียนบ้านคาวิทยา อ.บ้านคา จ.ราชบุรี เมื่อเดือน มิ.ย. 45 นายจอบิยังต้องถูกเจ้าหน้าที่สำนักตรวจคนเข้าเมืองควบคุมตัวไปคุมขังฐานเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและมีสภาพป่วย ขาลีบ ยืนไม่ได้ ซ.รอเบริตส์ไปเยี่ยมพร้อมกับญาติ 3-4 ครั้ง จนกระทั่งสมเด็จพระบรมราชินีนาถ รับจอบิเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ซ.รอเบริตส์บอกว่า "ความยุติธรรมมีอยู่ในโลก ความจริงจะปรากฏและจอบิจะได้รับความยุตะรรมด้วยเหมือนกัน" (หนังสื่อพิมพ์ข่าวสด,วันจันทร์ที่ 26 ก.๕.2547) ความเจ็บป่วยของผู้ยากไร้ โดยเฉพาะตามชายแดนมักจะพบกับ ซ.รอเบริตส์ในวัย 80 ปี ผู้เหยียบคันเร่งรถกระบะนำพาผู้คนเหล่านี้ไปถึงโรงพยาบาลไปนอนเฝ้าคนแล้วคนเล่า ทำงานอย่างเงียบๆ กลับทำให้ผู้คนจดจำ ซ.ฝรั่งคนหนึ่งที่รักเมตตา ช่วยเหลือผู้คนโดนไม่สนใจว่าจะเชื้อาชาติศาสนาใด นั่นแหละศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้เกิดขึ้นแล้ว
                เคยถามนายวิชัยคนไร้สัญชาติและเป็นผู้พิการติดล้อกกว่า 20 ปี ว่ารู้สึกอย่างไรกับ ซ.รอเบริตส์ เขาตอบว่าถ้าไม่มีท่านผลตายไปนานแล้ว พูดไปพลางร้องไห้เมื่อรู้ว่าท่านจากไป ประสบการณ์การพลัดพรากของ ซ.รอเบริตส์ ยังวนเวียนอยู่ในชีวิตของท่าน แม้เมื่อท่านเดินทางจากครอบครัวสหรัฐอเมริกา มาทำงานมิชั่นนารีที่เมืองซัวเถา ประเทศจีน ในปี พ.ศ. 2490 กำลังสนุกกับการเรียนการสอนเด็ก (มีบางท่านบอกว่าท่านอยู่แค่ 1 เดือน ท่านพูดภาษาจีนได้แล้ว)
                แต่ต่อมาปี พ.ศ. 2492 คอมมิวนิสต์เข้ามา ท่านต้องถูกขับออกจากที่เด็กเคยรัก แต่วันที่ท่านจากสถานที่นั้นท่านเล่าให้ฟังว่า เด็กๆ ถูกบังคับให้ตั้งแถว แล้วให้ท่านเดินผ่านระหว่างกลางแล้วบรรดาเด็กๆ ก็ถุยน้ำลายใส่ตลอดการเดินทาง เมื่อออกจากจีนสู่ประเทศไทย มาบุกเบิกโครงการพี่เลี้ยงน้องกับโรงเรียน ตชด. นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 พื้นที่แรกคือบ้านวังน้ำเขียวและบ้านโป่งกระทิง จ.ราชบุรี ทำไปทำมาได้ปักหลักอยู่ทำงานในสังฆมณฑลราชบุรี โดยเฉพาะพื้นที่ อ.จอมบึง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ช่วยเหลือในด้านสุขภาพ หาทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ มากมาย เคยถามท่านคิดอย่างไรในการช่วยเด็กได้รับการศึกษา แต่พวกเขาไม่เห็นมาขอบคุณเลย ซ.รอเบริตส์กลว่าว่า "ความดีนั้นส่งต่อได้ ถ้าเขาเห็นว่าดีก็ไปทำกับคนอื่นต่อไป ไม่จำเป็นต้องมาทำกับฉัน" ยังจำได้ว่าเคยคุยกับอดีตเด็กทุนบางคนเขาตอบว่าถ้าไม่ได้ ซ.รอเบริตส์ช่วยก็คงไม่มีวันนี้ ที่มีหน้าที่การงานเพราะสมัยนี้แค่ข้าวที่จะกินต้องอดมื้อกินมื้อจริงๆ
  ในช่วงสถานการณ์ชายแดน อ.สวนผึ้ง ปีพ.ศ. 2540-2545 มีพี่น้องกะเหรี่ยงอพยพหลบซ่อนตามชายแดน ท่านต้องเข้ามาเยี่ยมเยียนช่วยเหลือ จนก่อให้เกิดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่,กิจกรรมผู้ป่วยฉุกเฉิน เป็นต้น คนไหนเจ็บป่วยก็นำพาส่งโรงพยาบาลเพราะชาวบ้านไม่กล้านำพา เกรงว่าจะพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบ่อยครั้ง ซ.รอเบริตส์ เผชิญกับตำรวจถูกตั้งข้อหาว่านำพาคนต่างด้าว ซ.ก็บอกว่าถ้าจับเขาก็จับฉันด้วย(วัย 80 ปีแล้ว)  บางครั้งก็จะมีครูคำสอนฝั่งพม่าที่ทำงานในป่าในเขา มาพบท่าน เพื่อขอให้ท่านสนับสนุนงานแพร่ธรรม เช่น ซื้อเรือ หรืออุปกรณ์สำหรับงานคำสอน ท่านก็มักจะพบในยามวิกาลพร้อมด้วยทีมงานของศูนย์สังคมพัฒนา เพราะช่วงนั้นสถานการชายแดนยังไม่สงบ โดยเฉพาะเหตุการณ์ God's Army ท่านก็เข้าใจได้ดีถึงธรรมชาติของพวกเขาที่ดีงาม ตรงข้ามกับสื่อที่นำเสนอกระแสความเกลียดชังจนขาดการรับรู้อย่างลึกซึ้ง ท่านไปพบไปพูดคุยกับเด็กทั้งสอง แม้วันที่ท่านจากโลกนี้ไป ลูเธอร์หนึ่งในเด็กแฝดได้ส่งข้อความว่า "ขบอคุณซิสเตอร์รอเบริตส์อย่างมากที่ผ่านมา...ท่านเน้นย้ำกับผู้คนในสังคมไทยผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ไทยและเทศบ่อยครั้งว่า  "พี่น้องที่ยากไร้ก็เป็นมนุษย์ มีชีวิตที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มีเกียรติเท่าๆ กับทุกคน" และ "ถึงวันนี้ ซิสเตอร์ไม่ได้ร้องขอให้ใครช่วยบริจาคเงิน สิ่งของ เพราะเรามีเพียงพอแล้ว จากเงินช่วยเหลือของคณะอุร์สุลิน รวมทั้งการสอนให้ชาวบ้านช่วยเหลือตนเอง ยืนด้วยลำแข็งตัวเองมากกว่าการให้สิ่งของหรือความหวังลมๆ แล้งๆ เมื่อชาวบ้านพึ่งพาตนเองได้ก็สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข" และ "ความปรารถนาที่สุดในชีวิต คือ การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นความทุกข์ (หนังสื่อพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม 2547)