คำสอนด้านสังคมในงานประกาศข่าวดี ฉบับที่ 2


"ความปิติยินดีและความหวัง ความเศร้าโศกและความวิตกกังวลของมนุษย์ในยุดนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมาของผู้ยากไร้ที่ผู้ทุกข์ทนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความปิติยินดีและความหวัง ความเศร้าโศกและความวิตกกังวลของเหล่าสานุศิษย์ของพระคริสตเจ้าด้วย" (ธรรมนูญด้านการประกาศข่าวดีว่าด้วย พระศาสนจักรในโลกสมัยใหม่ ความปิติยินดีและความหวัง : GAUDIUM ET SPES)
                สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณเบเนดิกต์ที่ 16 ได้กล่าวไว้ในพระสมณสาสน์ "พระเจ้าทรงเป็นความรัก  ( GAUDIUM ET SPES ) ่ง ว่า "ธรรมชาติล้ำลึกที่สุดของพระศาสนจักร แสดงออกมาในความรับผิดชอบ 3 ประการด้วยกันคือ 1) การประกาศข่าวดี  2) การเฉลิมฉลองศีลศักดิ์สิทธิ์ 3) การประกอบกิจเมตตาธรรม หน้าที่ทั้ง 3 อย่างนี้เอื้อกันและกันและไม่อาจแยกออกจากันได้ สำหรับพระศาสนจักร งานกิจเมตตาเป็นส่วนหนึ่งแห่งธรรมชาติของพระศาสนจักร เป็นการแสดงออกที่ขาดเสียไม่ได้ ซึ่งการเป็นพระศาสนจักรของตนเอง"  งานเมตตากิจหรือพันธกิจรัก รับใช้ จึงเป็นธรรมชาติของพระศาสนจักรที่ละเลยไม่ได้ นักบุญออกัสตินกล่าวว่า "หากท่านเห็นกิจเมตตาธรรม ท่านก็เห็นพระเจ้า"
                สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส องค์ประมุขสูงสุดของพระศาสนจักรคาทอลิกในปัจจุบันนี้ พระองค์ท่านได้กล่าวไว้ในสมณสาสน์ "ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร" (EVANGELII  GAUDIUM) ว่า "ชุมชนทุกแห่งในพระศาสนจักร ซึ่งอ้างว่าอยู่อย่างสงบโดยไม่มีความห่วงใยที่จะติดสร้างสรรค์และปราศจากความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คนยากจนดำเนินชีวิตอย่างสมศักดิ์ศรี เมื่อเป็นเช่นนี้ชุมชนนั้นก็เสี่ยงต่อการแตกแยก" 
                ชีวิตของพระศาสนจักรคาทอลิกเดินทางในวิถีทางของกิจเมตตาธรรม ตามจิตตารมณ์ของคุณค่าพระวรสารตามที่พระเยซูทรงสอนให้รัก รับใช้ ตลอดระยะเวลายาวนานกว่าพันปีในแต่ละช่วง แต่ละเวลาจะได้รับรู่รับทราบถึงพระสมณ์สาสน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาที่ประกาศเป็นเอกสารทางการเป็นคำสอนด้านสังคม ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องหมายกาลเวลาหรือสัญญาณเตือนให้คริสตชนได้ตระหนักรู้เท่าทันโดยไม่หลงไปตามกระแสของโลกอย่างสุดตางจนหลงลืมคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เป็นพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้า การย้ำเตือนเสมอว่าพระศาสนจักรเป็นของคนยากจนเพื่อคนยากจนสำหรับคนยากจน บ่อยครั้งที่ผ่านมาความยุติรรม สันติสุข ความชื่นชมยินดีที่เป็นเนื้อหาของการประกาศอาณาจักรพระเจ้า ก็ปรากฎในหมู่ผู้คนที่ติดตามพระเยซู โดยการอยู่ข้างเคียงผู้ยากไร้ในงานประกาศข่าวดี
                ในยุคนี้เราพบสัญญาณแห่งกาลเวลาจากการดำเนินชีวิตและคำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ให้กับเราบรรดาคริสตชน โดยเฉพาะหน่วยงานองค์กรในฝ่ายสังคมสังฆมณฑลราชบุรี เพื่อปลุกจิตสำนึกถึงคำสอนของพระเยซูในจิตตารมณ์สวรรค์มากกว่าจิตตารมณ์ของโลก การลดมายาคติ เพื่อเปิดพื้นที่ทางสังคมให้บรรดาผู้ยากไร้ ผู้รอโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมและฟังพี่น้องเหล่านี้มากขึ้น การตื่นตัวในความเชื่อที่เป็นความปราถนาอย่างลึกซึ้งที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง สังคม โลก ในการถ่ายทอดคุณค่าและมอบบางสิ่งบางอย่างที่ดี การตระหนักในพระศาสนจักรที่มีพระวรสารแห่งพระเมตตากรุณาและความรักของมนุษย์ ดั่งบุญราศีเทเรซา แห่งกัลกัตตากล่าวว่า "ให้เราทำสิ่งเล็กเล็ก แต่ทำด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่"